ฟอกสีฟันที่คลินิก vs ทำเองที่บ้าน

ฟอกสีฟันที่คลินิก vs ทำเองที่บ้าน

รอยยิ้มที่มั่นใจมักจะเริ่มต้นด้วยฟันที่ขาวสะอาด แต่ในชีวิตประจำวันของเรามักจะเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ฟันเหลืองได้ยากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการดื่มกาแฟในตอนเช้า ชาไข่มุกในช่วงบ่าย หรืออาหารที่มีส่วนผสมของสีเข้มๆ ซึ่งสะสมไปเรื่อยๆ จนทำให้ฟันเริ่มหมองคล้ำ เมื่อถึงจุดหนึ่งหลายคนจึงเริ่มมองหาตัวช่วยอย่างการฟอกสีฟัน แต่คำถามที่พบบ่อยที่สุดก็คือเราควรจะเลือกฟอกสีฟันที่คลินิกหรือซื้อชุดฟอกสีฟันมาทำเองที่บ้านดี เพราะทั้งสองแบบนี้มีข้อดีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของความรวดเร็ว ผลลัพธ์ และงบประมาณที่ต้องจ่าย การฟอกสีฟันไม่ใช่เรื่องที่แค่เอาเจลมาทาแล้วฟันจะขาวทันที แต่มันคือกระบวนการทางเคมีที่สารฟอกสีจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีที่สะสมอยู่ในเนื้อฟัน ดังนั้นความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ การเข้าใจความต่างระหว่างการทำโดยผู้เชี่ยวชาญกับการทำด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าวิถีชีวิตและงบประมาณของคุณเหมาะกับรูปแบบไหนมากที่สุด เพื่อให้ได้ฟันที่ขาวสวยสมใจโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาว ฟอกสีฟันที่คลินิก vs ทำเองที่บ้าน สิ่งที่ทำให้การฟอกสีฟันที่คลินิกแตกต่างจากการทำเองที่บ้านมากที่สุดคือความเข้มข้นของน้ำยาฟอกสีฟัน น้ำยาที่หมอฟันใช้ในคลินิกมักจะเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เหงือกเกิดอาการระคายเคือง ในขณะที่ชุดฟอกสีฟันสำหรับทำเองที่บ้านน้ำยาจะมีความเข้มข้นต่ำกว่ามากเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทำให้การทำที่บ้านต้องอาศัยระยะเวลาและความต่อเนื่องมากกว่า อีกหนึ่งจุดสำคัญคือตัวกระตุ้นปฏิกิริยา การฟอกสีฟันที่คลินิกมักจะมีการใช้แสงประเภทต่างๆ เช่น แสงเย็น แสงเลเซอร์ หรือระบบซูม เข้ามาช่วยเร่งให้สารฟอกสีทำงานได้ดีขึ้นและลึกขึ้นภายในเวลาไม่กี่นาที แต่การฟอกสีฟันด้วยตัวเองที่บ้านจะเป็นการปล่อยให้น้ำยาค่อยๆ ทำงานไปตามธรรมชาติผ่านการใส่รางฟอกสีฟันวันละหลายชั่วโมงหรือใส่ตอนนอนต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายวัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความเร็วที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด การฟอกสีฟันที่คลินิก สะดวก รวดเร็ว และเห็นผลทันใจ การฟอกสีฟันที่คลินิกเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน เช่น กำลังจะไปงานแต่งงาน งานรับปริญญา หรือมีนัดสำคัญที่ต้องใช้รอยยิ้มสร้างความประทับใจ ขั้นตอนการทำมักจะจบลงภายในเวลาประมาณ 45 ถึง 60 นาที โดยหมอฟันจะทำการตรวจสภาพช่องปากก่อนว่ามีฟันผุหรือเหงือกอักเสบไหม จากนั้นจะมีการทาสารป้องกันเหงือกเพื่อไม่ให้น้ำยากัดโดนเนื้อเยื่อที่อ่อนโยน ก่อนจะลงน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ข้อดีของการทำที่คลินิกคือคุณจะได้ฟันที่ขาวขึ้นหลายระดับในครั้งเดียว และที่สำคัญคืออยู่ภายใต้การดูแลของหมอฟันตลอดเวลา […]

ฟันปลอมแบบรากเทียม

ปัญหาการสูญเสียฟันแท้ไปไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะนอกจากจะทำให้เราเสียความมั่นใจเวลาฉีกยิ้มแล้ว สิ่งที่ตามมาและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมากที่สุดคือเรื่องของการกินอาหาร ใครที่ใส่ฟันปลอมแบบเดิมๆ อยู่คงจะเข้าใจดีถึงความรู้สึกที่ฟันปลอมหลวม หลุดบ่อย หรือเคี้ยวอะไรแข็งๆ หน่อยก็เจ็บเหงือกไปหมด ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่าฟันปลอมแบบรากเทียม ซึ่งเป็นการรวมเอาข้อดีของรากฟันเทียมและฟันปลอมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้การใช้งานใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด ฟันปลอมแบบรากเทียมคือการใช้รากฟันเทียมที่ทำจากวัสดุไทเทเนียมฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อทำหน้าที่เป็นหลักยึดให้กับแผงฟันปลอม แทนที่จะวางฟันปลอมไว้บนเหงือกเฉยๆ เหมือนสมัยก่อน การมีรากเทียมช่วยให้ฟันปลอมล็อกติดแน่นอยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อนไปมาเวลาเราพูดหรือเคี้ยวอาหาร ทำให้คนใช้งานรู้สึกมั่นใจและใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฟันปลอมแบบรากเทียมคืออะไร แตกต่างจากฟันปลอมทั่วไปยังไง ถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพง่ายที่สุด ฟันปลอมแบบเดิมๆ เหมือนการวางสิ่งของไว้บนพื้นที่ลื่นๆ ซึ่งมีโอกาสขยับได้ตลอดเวลา แต่ฟันปลอมแบบรากเทียมเหมือนการที่เรามีฐานที่ฝังลึกลงไปในพื้นดินแล้วยึดสิ่งของนั้นไว้ให้แน่น ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือความมั่นคง ฟันปลอมทั่วไปมักจะยึดเกาะด้วยแรงดูดระหว่างฐานฟันปลอมกับเหงือก หรือใช้ตะขอเกี่ยวฟันซี่ที่เหลืออยู่ ซึ่งพอนานไปเหงือกจะเริ่มร่นและกระดูกขากรรไกรจะเริ่มยุบตัว ทำให้ฟันปลอมเริ่มหลวมและใส่ไม่สบาย ในขณะที่ฟันปลอมแบบรากเทียมจะเข้าไปช่วยหยุดปัญหาเรื่องกระดูกขากรรไกรฝ่อตัว เพราะรากเทียมที่ฝังลงไปจะช่วยกระตุ้นกระดูกเหมือนกับรากฟันจริง นอกจากนี้เรื่องการออกเสียงยังทำได้ดีกว่ามาก เพราะไม่ต้องกังวลว่าฟันปลอมจะหลุดออกมาในขณะที่กำลังสนทนากับผู้อื่น และที่สำคัญที่สุดคือประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล คุณสามารถกลับไปทานอาหารที่ชอบได้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผักที่มีความเหนียว หรือผลไม้กรอบๆ ข้อดีของฟันปลอมรากเทียมที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเปลี่ยน ทำไมเทรนด์การทำฟันปลอมรากเทียมถึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะประโยชน์ที่ได้รับมันคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกมิติ ความแน่นกระชับที่เป็นเลิศ ไม่ต้องคอยพะวงว่าฟันจะหลุดระหว่างมื้ออาหารหรือตอนหัวเราะ ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น ใบหน้าดูไม่แก่ก่อนวัยเพราะกระดูกขากรรไกรไม่ยุบตัว ดูแลรักษาง่าย ไม่ต่างจากการดูแลฟันธรรมชาติหรือฟันปลอมทั่วไปมากนัก ความรู้สึกเวลาเคี้ยวจะมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก เพราะแรงกดจะลงไปที่รากเทียมและกระดูก ไม่ใช่กดทับลงบนเหงือกโดยตรง อายุการใช้งานที่ยาวนาน หากดูแลรักษาอย่างดีสามารถอยู่กับเราไปได้นานหลายสิบปี การเลือกทำฟันปลอมประเภทนี้ยังช่วยลดปัญหาเรื่องการระคายเคืองเหงือกหรือแผลกดทับที่เกิดจากฟันปลอมหลวม […]

ฟันหน้าห่าง อุดได้ไหม หรือต้องจัดฟัน

ฟันหน้าห่าง อุดได้ไหม

ปัญหาระดับชาติของคนอยากมีรอยยิ้มพิมพ์ใจ คงหนีไม่พ้นเรื่องช่องว่างระหว่างฟัน โดยเฉพาะฟันหน้าคู่กลางที่เป็นด่านหน้าของความประทับใจแรกพบ หลายคนส่องกระจกทีไรก็ถอนหายใจ จะยิ้มกว้างก็ไม่กล้า จะหัวเราะก็ต้องเอามือป้องปาก เพราะอายร่องฟันที่ห่างจนดูเหมือนฟันหลอ บางคนโดนแซวว่าเงินทองรั่วไหลเพราะฟันห่าง ยิ่งทำให้เสียความมั่นใจหนักเข้าไปอีก ครั้นพอคิดจะแก้ไข ภาพแรกที่ลอยมาในหัวก็คือการใส่เหล็กจัดฟันที่ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ แถมค่าใช้จ่ายก็หลักหมื่นหลักแสน หลายคนจึงถอดใจยอมปล่อยเลยตามเลย แต่เดี๋ยวก่อน โลกทันตกรรมยุคใหม่มีทางเลือกที่ง่ายกว่านั้น เร็วกว่านั้น และประหยัดกว่านั้นมาก นั่นคือวิธีการที่เรียกว่าการอุดปิดช่องว่าง แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยและถามกันเข้ามาเยอะมากคือ ฟันหน้าห่าง อุดได้ไหม มันจะดูตลกไหม หรือมันจะอยู่ทนหรือเปล่า วันนี้เราจะมาแบไต๋ทุกเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้ฟันห่างแบบเร่งด่วนนี้ ให้คุณตัดสินใจได้ทันทีว่านี่คือทางออกที่ใช่สำหรับคุณหรือไม่ ฟันหน้าห่าง เกิดจากอะไร ทำไมเราถึงมีช่องว่างที่ไม่ได้รับเชิญ ก่อนจะไปดูวิธีแก้ เรามาเช็คกันหน่อยว่าสาเหตุที่แท้จริงของฟันห่างมันมาจากไหน เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุดและป้องกันไม่ให้มันห่างเพิ่มขึ้นในอนาคต สาเหตุยอดฮิตอันดับแรกคือเรื่องของขนาดฟันและขากรรไกรไม่สมดุลกัน บางคนเกิดมามีขากรรไกรกว้างแต่มีซี่ฟันขนาดเล็ก ทำให้มีที่ว่างเหลือเฟือจนฟันกระจายตัวออกห่างจากกัน สาเหตุต่อมาคือเนื้อเยื่อยึดเกาะริมฝีปากที่อยู่ตรงกลางฟันหน้าบน มันเกาะต่ำเกินไปจนมาขวางกั้นระหว่างฟันหน้าสองซี่ ทำให้ฟันชิดกันไม่ได้ นอกจากนี้พฤติกรรมบางอย่างก็มีส่วนสำคัญ เช่น การชอบเอาลิ้นดุลฟันตอนกลืนน้ำลาย การกัดเล็บ หรือในคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง จนกระดูกรองรับรากฟันละลาย ก็ทำให้ฟันโยกและเคลื่อนตัวห่างออกจากกันได้เช่นกัน การรู้สาเหตุจะช่วยให้หมอวางแผนการรักษาได้แม่นยำขึ้น ว่าควรอุดปิดเฉยๆ หรือต้องรักษาโรคเหงือกร่วมด้วย ฟันหน้าห่าง อุดได้ไหม คำตอบที่คนอยากสวยทางลัดต้องรู้ ขอตอบชัดๆ ตรงนี้เลยว่า ได้ และเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดวิธีหนึ่งในปัจจุบันสำหรับเคสที่ห่างไม่เยอะ การอุดฟันเพื่อแก้ปัญหาฟันห่าง […]

อุดฟันสีเหมือนฟัน ยิ้มกว้างแค่ไหนก็มั่นใจ

อุดฟันสีเหมือนฟัน

เวลาที่เราอ้าปากหัวเราะกว้างๆ หรือฉีกยิ้มถ่ายรูป สิ่งหนึ่งที่มักจะทำให้หลายคนรู้สึกสะดุดและเสียความมั่นใจก็คือเงาสีดำๆ หรือสีเงินวาววับที่สะท้อนออกมาจากฟันกราม หรือบางครั้งก็เป็นรอยอุดที่เห็นชัดเจนบริเวณฟันหน้า ภาพจำเดิมๆ ของการอุดฟันคือการใช้วัสดุสีเงินที่เรียกว่าอมัลกัม ซึ่งแม้จะแข็งแรงทนทานแต่ก็แลกมาด้วยความไม่สวยงามและดูขัดตา ยิ่งนานวันเข้าวัสดุพวกนี้อาจทำให้เนื้อฟันรอบๆ ดูหมองคล้ำลงไปอีก แต่ในโลกทันตกรรมยุคใหม่ เทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปไกลจนเกิดเป็นนวัตกรรมที่เรียกว่า อุดฟันสีเหมือนฟัน ที่เข้ามาปฏิวัติวงการรักษารากฟันและทันตกรรมเพื่อความงามอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่แค่การเอาอะไรไปแปะรูผุๆ ให้เต็มอีกต่อไป แต่มันคืองานศิลปะที่ทันตแพทย์บรรจงปั้นแต่งวัสดุลงไปให้กลมกลืนกับเนื้อฟันธรรมชาติที่สุด จนคนอื่นดูไม่ออกเลยว่าคุณเคยฟันผุมาก่อน วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกว่าการอุดฟันแบบนี้มันดีกว่าแบบเดิมยังไง แข็งแรงจริงไหม และทำไมใครๆ ถึงแห่กันไปเปลี่ยนวัสดุอุดฟันเดิมมาเป็นแบบนี้กันหมด อุดฟันสีเหมือนฟัน คืออะไร การอุดฟันสีเหมือนฟัน หรือในศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า การอุดฟันด้วยวัสดุคอมโพสิตเรซิน (Composite Resin) คือการใช้วัสดุที่มีส่วนผสมของพลาสติกและผลึกแก้วละเอียด ซึ่งมีความพิเศษตรงที่สามารถผลิตออกมาได้หลากหลายเฉดสี ตั้งแต่ขาวจั๊วะไปจนถึงขาวอมเหลือง เพื่อให้แมตช์กับสีฟันธรรมชาติของคนไข้แต่ละคนได้อย่างแนบเนียน เหตุผลที่ทำให้มันได้รับความนิยมพุ่งกระฉูดไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของสุขภาพจิตและความมั่นใจ ลองนึกภาพดูว่าถ้าคุณเป็นคนที่ต้องใช้หน้าตา พบปะผู้คน หรือชอบถ่ายรูปลงโซเชียล การมีจุดดำๆ ในปากคงไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์ การเปลี่ยนมาใช้วัสดุสีเหมือนฟันช่วยลบปมด้อยตรงนี้ได้ทันที ทำให้คุณกล้าที่จะยิ้ม หัวเราะ และพูดคุยได้อย่างเต็มปากเต็มคำ นอกจากนี้วัสดุคอมโพสิตรุ่นใหม่ๆ ยังได้รับการพัฒนาให้มีความแข็งแรงทนทานต่อแรงบดเคี้ยวได้ดีขึ้นมาก จนสามารถนำมาใช้อุดฟันกรามด้านในได้สบายๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะแตกหักง่ายเหมือนสมัยก่อน บอกลาวัสดุสีเงิน อมัลกัม และความกังวลเรื่องสารปรอท อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้คนหันมาเลือกอุดฟันสีเหมือนฟันกันมากขึ้น คือความกังวลเกี่ยวกับส่วนประกอบของวัสดุอุดฟันแบบเก่าที่เป็นสีเงิน หรือ อมัลกัม […]

ฟันปลอม แบบไหนดี ระหว่างถอดได้กับติดแน่น

ฟันปลอม แบบไหนดี

การสูญเสียฟันธรรมชาติไปสักซี่สองซี่ หรืออาจจะหลายซี่ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะมองข้ามได้เลย เพราะนอกจากจะทำให้ความมั่นใจลดฮวบเวลาต้องยิ้มหรือพูดคุยกับใครแล้ว ปัญหาใหญ่ที่ตามมาติดๆ คือความลำบากในการกินอาหาร จากที่เคยเคี้ยวของอร่อยได้เต็มปากเต็มคำ กลายเป็นต้องคอยระวัง อาหารเคี้ยวไม่ละเอียด ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักและท้องอืดตามมา อีกทั้งถ้าปล่อยช่องว่างไว้นานๆ ฟันซี่ข้างเคียงก็จะล้มเอียงเข้าหาช่องว่าง ฟันคู่สบก็จะยื่นยาวลงมา ทำให้การสบฟันผิดปกติและแก้ไขยากขึ้นไปอีก ดังนั้นการใส่ฟันปลอมจึงเป็นทางออกที่จำเป็นที่สุด แต่พอเดินเข้าคลินิกหรือหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็มักจะเจอกับคำถามโลกแตกที่ว่า ฟันปลอม แบบไหนดี เพราะเดี๋ยวนี้มีทั้งแบบถอดได้ แบบติดแน่น แบบรากเทียม วัสดุก็มีให้เลือกเยอะแยะเต็มไปหมด จนคนไข้หลายคนยืนงงเลือกไม่ถูก วันนี้เราจะมาแบไต๋กางตำราฟันปลอมฉบับเข้าใจง่าย เปรียบเทียบกันให้เห็นภาพชัดๆ ว่าแต่ละแบบมีดีมีเสียต่างกันอย่างไร เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่ใช่ที่สุดให้กับตัวเองหรือคนที่คุณรัก ทำความเข้าใจก่อนว่า ฟันปลอมมีกี่ประเภทหลักๆ ถ้าจะแบ่งประเภทของฟันปลอมให้เข้าใจง่ายที่สุด เราสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะการใช้งาน คือ ฟันปลอมแบบถอดได้ และ ฟันปลอมแบบติดแน่น ซึ่งทั้งสองแบบนี้มีจุดประสงค์เดียวกันคือเข้ามาทดแทนฟันที่หายไป แต่ฟีลลิ่งในการใช้งาน ความสวยงาม การดูแลรักษา และงบประมาณนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การจะตอบคำถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน จึงขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ สภาพช่องปาก และงบประมาณของแต่ละคนเป็นหลัก ไม่มีแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่จะมีแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณเสมอ ฟันปลอมถอดได้ ฟันปลอมชนิดนี้คือแบบที่เราคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะในรุ่นคุณปู่คุณย่า ที่ก่อนนอนต้องถอดออกมาแช่น้ำไว้ในแก้ว […]

รักษาโรคเหงือก รำมะนาด

รักษาโรคเหงือก รำมะนาด

เคยสังเกตตัวเองหน้ากระจกตอนเช้าไหม เวลาแปรงฟันแล้วบ้วนปากออกมามีเลือดสีแดงปนออกมากับฟองยาสีฟัน หรือเวลามั่นใจจะพูดคุยกับใครใกล้ๆ แต่กลับเห็นเขานิ่งไปหรือขยับตัวถอยห่างเพราะกลิ่นปากที่แก้ไม่หาย แม้จะเปลี่ยนยาสีฟันก็แล้ว ใช้น้ำยาบ้วนปากก็แล้ว กลิ่นตุๆ เหล่านั้นก็ยังวนเวียนอยู่ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องปกติและไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยผ่าน เพราะมันคือสัญญาณเตือนภัยระดับสีแดงที่ร่างกายกำลังบอกว่าช่องปากของคุณกำลังเผชิญกับวิกฤตที่เรียกว่า โรครำมะนาด หรือ โรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ค่อยๆ กัดกินรากฐานของฟันเราไปทีละนิด โดยที่เราแทบไม่รู้ตัวเพราะในช่วงแรกมักไม่มีอาการปวด มารู้ตัวอีกทีฟันก็เริ่มโยกคลอน เคี้ยวข้าวไม่อร่อย หรือร้ายแรงที่สุดคือต้องถอนฟันทั้งแผง วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับโรคนี้ให้ลึกซึ้ง และวิธีการรักษาที่จะช่วยหยุดยั้งความเสียหาย ให้คุณกลับมายิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง รำมะนาด คืออะไร ต่างจากเหงือกอักเสบธรรมดาอย่างไร คำว่า รำมะนาด อาจจะฟังดูโบราณเหมือนโรคที่คนแก่เขาเป็นกัน แต่จริงๆ แล้วในทางทัตกรรมสมัยใหม่เราเรียกมันว่า โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) ซึ่งเป็นขั้นกว่าของโรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ คือ โรคเหงือกอักเสบเปรียบเสมือนไฟไหม้หญ้าหน้าบ้าน อาการคือเหงือกจะบวมแดง เลือดออกง่ายเวลาแปรงฟัน สาเหตุมาจากคราบจุลินทรีย์และหินปูนที่เกาะอยู่รอบๆ คอฟัน ซึ่งระยะนี้ยังสามารถรักษาให้หายขาดได้ง่ายๆ แค่ขูดหินปูนและดูแลความสะอาดให้ดี แต่ถ้าเราละเลยปล่อยทิ้งไว้ ไฟกองเล็กๆ นี้จะลามเข้าสู่ตัวบ้าน นั่นคือระยะที่เป็น รำมะนาด การอักเสบจะลุกลามลงไปใต้เหงือก ทำลายเส้นใยยึดเกาะฟันและกระดูกเบ้าฟัน ทำให้เกิดร่องลึกปริทันต์ ซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมของเชื้อโรคชั้นดี ผลที่ตามมาคือกระดูกละลาย เหงือกร่น ฟันโยก […]

ตัดเหงือก

ตัดเหงือก

เคยไหมเวลาถ่ายรูปแล้วไม่กล้ายิ้มกว้างๆ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นเหงือกมากกว่าฟัน หรือบางทีโดนเพื่อนแซวว่ายิ้มทีไรโลกสว่างไสวเพราะเหงือกบานแข่งกับแดด ปัญหา ยิ้มเห็นเหงือก หรือที่เรียกกันว่า Gummy Smile เป็นเรื่องที่บั่นทอนความมั่นใจของใครหลายคนอย่างมาก บางคนฟันสวยเรียงตัวดีอยู่แล้วแต่พอยิ้มออกมากลับดูไม่สมส่วนเพราะเนื้อเหงือกที่ลงมาคลุมตัวฟันมากเกินไป ทำให้ฟันดูสั้นเต่อเหมือนฟันเด็ก ซึ่งในปัจจุบันวงการทันตกรรมเพื่อความงามได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะรอยยิ้มที่สวยงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ฟันขาวหรือฟันตรงเท่านั้น แต่สัดส่วนของเหงือกและฟันต้องมีความสมดุลกันด้วย และฮีโร่ที่จะมาช่วยกอบกู้สถานการณ์นี้ก็คือการศัลยกรรมตกแต่งเหงือก หรือการ ตัดเหงือก นั่นเอง วันนี้เราจะมาเจาะลึกทุกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตั้งแต่สาเหตุ วิธีการรักษา ไปจนถึงการดูแลตัวเอง เพื่อให้คุณเข้าใจและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น ปัญหายิ้มเห็นเหงือก เกิดจากอะไร ก่อนจะไปถึงวิธีการรักษา เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมเราถึงมีเหงือกเยอะกว่าคนอื่น โดยปกติแล้วเวลายิ้ม ขอบเหงือกควรจะโชว์ขึ้นมาไม่เกิน 2 ถึง 3 มิลลิเมตร แต่สำหรับคนที่มีภาวะ Gummy Smile เวลาฉีกยิ้มเต็มที่อาจจะเห็นเหงือกแดงๆ โผล่ออกมามากกว่า 4 มิลลิเมตรขึ้นไป ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากพันธุกรรมและโครงสร้างร่างกายเป็นส่วนใหญ่ อย่างแรกเลยคือเกิดจากการที่ฟันงอกออกมาไม่เต็มที่ หรือเนื้อเหงือกมีความหนาตัวเกินไปจนลงมาคลุมปิดหน้าฟัน ทำให้ฟันดูสั้นกว่าความเป็นจริง ทั้งที่ความจริงแล้วตัวฟันข้างในอาจจะยาวปกติ สาเหตุต่อมาคือขากรรไกรบนยื่นยาวลงมามากกว่าปกติ ทำให้เวลาขยับปากหรือยิ้ม เหงือกทั้งหมดจึงถูกดันลงมาให้เห็นชัดเจน และอีกสาเหตุที่พบได้บ่อยคือกล้ามเนื้อริมฝีปากบนทำงานมากเกินไป หรือภาวะ Hyperactive Lip ทำให้เวลายิ้ม ริมฝีปากจะถูกยกขึ้นสูงมากจนเปิดเผยให้เห็นเหงือกทั้งหมด […]

เคลือบฟลูออไรด์ ผู้ใหญ่

เคลือบฟลูออไรด์ ผู้ใหญ่

หลายคนอาจจะมีความทรงจำในวัยเด็กเวลาไปหาหมอฟัน ที่ต้องกัดถาดโฟมนุ่มๆ รสผลไม้หรือรสโคล่าทิ้งไว้สักพัก แล้วคุณหมอก็บอกว่านี่คือการเคลือบฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ พอเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ความเข้าใจเดิมๆ เหล่านั้นก็ทำให้เราคิดไปเองว่า การเคลือบฟลูออไรด์เป็นเรื่องของเด็กเท่านั้น เพราะฟันแท้ของเราขึ้นครบและแข็งแรงดีแล้ว คงไม่ต้องบำรุงอะไรเพิ่มมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปพอสมควรเลยทีเดียวครับ เพราะสภาพช่องปากของผู้ใหญ่อย่างเราต้องเผชิญกับความเสี่ยงและพฤติกรรมการใช้งานที่หนักหน่วงกว่าเด็กมาก ไม่ว่าจะเป็นการดื่มชากาแฟ การทานอาหารรสจัด หรือแม้แต่ความเสื่อมตามวัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเคลือบฟลูออไรด์ในผู้ใหญ่จึงกลับมาเป็นหัวข้อที่คุณหมอฟันยุคใหม่ให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันคือเกราะป้องกันชั้นยอดที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของฟันแท้ให้อยู่กับเราไปได้นานที่สุด โดยเฉพาะในยุคที่เราต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว ทำไมโตแล้วยังต้องเคลือบฟลูออไรด์ สภาพฟันผู้ใหญ่ต่างจากเด็กอย่างไร เมื่ออายุเพิ่มขึ้น สภาพช่องปากของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและลักษณะการใช้งาน สิ่งที่พบได้บ่อยที่สุดในวัยผู้ใหญ่คือปัญหาเหงือกร่น ซึ่งอาจเกิดจากการแปรงฟันผิดวิธีมาเป็นเวลานาน หรือเกิดจากโรคเหงือกอักเสบ เมื่อเหงือกร่นลงไป สิ่งที่โผล่ขึ้นมาคือรากฟัน ซึ่งส่วนนี้ไม่มีชั้นเคลือบฟันที่แข็งแรงเหมือนตัวฟันด้านบน ทำให้ผุกร่อนได้ง่ายมากเมื่อเจอกรดจากอาหารหรือแบคทีเรีย นอกจากนี้ ผู้ใหญ่หลายคนมักจะมีวัสดุอุดฟัน ครอบฟัน หรือสะพานฟันเดิมอยู่แล้ว ซึ่งรอยต่อระหว่างวัสดุเหล่านี้กับเนื้อฟันธรรมชาติ เป็นจุดอ่อนที่ทำความสะอาดได้ยากและมักเกิดการผุซ้ำซาก หรือที่เรียกว่า Secondary Caries ได้ง่าย การได้รับฟลูออไรด์เข้มข้นเข้าไปเสริมความแข็งแรงในจุดเสี่ยงเหล่านี้ จึงเปรียบเสมือนการซ่อมแซมและอุดช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่มันจะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่โตที่ต้องรักษารากฟันหรือถอนทิ้งในอนาคต ประโยชน์เน้นๆ ของการเคลือบฟลูออไรด์ ที่คนวัยทำงานต้องถูกใจ ประโยชน์ข้อแรกที่เห็นผลชัดเจนที่สุดสำหรับผู้ใหญ่คือ การช่วยลดอาการเสียวฟัน ได้อย่างชะงัด ใครที่ชอบดื่มน้ำเย็นแล้วจี๊ดขึ้นสมอง หรือทานของหวานแล้วเสียวแปลบๆ การเคลือบฟลูออไรด์วานิชที่มีความเข้มข้นสูง จะเข้าไปช่วยปิดท่อเนื้อฟันที่เปิดออก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการเสียวฟัน […]

รักษารากฟัน กี่ครั้งเสร็จ

รักษารากฟัน กี่ครั้งเสร็จ

เชื่อว่าหลายคนที่มีอาการปวดฟันตุบๆ จนทนไม่ไหว หรือฟันผุลึกจนทะลุโพรงประสาทฟัน คงกำลังกังวลใจเรื่องการรักษาอยู่ไม่น้อย สิ่งที่คนไข้ส่วนใหญ่ถามหมอเป็นคำถามแรกๆ ไม่ใช่เรื่องราคา แต่เป็นเรื่องเวลา เพราะหลายคนกลัวว่าจะต้องลางานหลายวัน หรือต้องเทียวไปเทียวมาหาหมอบ่อยๆ จนเสียการเสียงาน คำตอบเบื้องต้นที่หมออยากบอกให้สบายใจก่อนเลยก็คือ โดยทั่วไปแล้วการรักษารากฟันจะใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 ครั้งก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ในบางกรณีที่ฟันซี่นั้นไม่มีความซับซ้อนมาก หรือไม่มีการติดเชื้อรุนแรง ก็อาจจะสามารถทำให้เสร็จได้ภายในครั้งเดียว ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกันว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้จำนวนครั้งในการรักษาของแต่ละคนไม่เท่ากัน เพื่อให้คุณวางแผนชีวิตได้ง่ายขึ้นครับ รักษารากฟัน กี่ครั้งเสร็จ ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง? จำนวนครั้งในการรักษาของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไปตามสภาพฟันและปัญหาเฉพาะบุคคล ปัจจัยหลักอย่างแรกเลยคือตำแหน่งของฟัน ถ้าเป็นฟันหน้าซึ่งมักจะมีรากเดียวและคลองรากฟันตรง การรักษาก็จะทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า อาจจะเสร็จได้ใน 1 หรือ 2 ครั้ง แต่ถ้าเป็นฟันกรามใหญ่ที่มี 3 ถึง 4 ราก และรากฟันมีความโค้งงอหรือตีบตัน หมอก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการค้นหาและทำความสะอาดคลองรากฟันให้ครบทุกราก ซึ่งต้องใช้ความละเอียดสูงมาก ทำให้จำนวนครั้งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 3 ถึง 4 ครั้งได้ เพื่อให้มั่นใจว่าเชื้อโรคถูกกำจัดออกไปจนหมดเกลี้ยงจริงๆ อีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันคือระดับความรุนแรงของการติดเชื้อ หากคุณปล่อยให้ฟันผุมานานจนมีหนองที่ปลายรากฟัน หรือมีการอักเสบที่รุนแรงมาก การรักษาในครั้งแรกๆ จะเน้นไปที่การกำจัดเชื้อและระบายหนองออกก่อน ซึ่งหมออาจจะต้องใส่ยาฆ่าเชื้อทิ้งไว้ในคลองรากฟันและนัดมาดูอาการซ้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหนองไหลออกมาแล้ว […]

สียางจัดฟัน

สียางจัดฟัน

เชื่อว่าหนึ่งในความตื่นเต้นที่สุดของคนจัดฟัน ไม่ใช่ตอนที่หมอดึงลวดหรือตอนที่ฟันเริ่มเข้าที่หรอกครับ แต่มันคือนาทีระทึกใจตอนที่ต้องเลือก สียางจัดฟัน ในแต่ละเดือนนี่แหละ หลายคนมายืนเกาะเคาน์เตอร์หน้าคลินิกแล้วเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง สีนั้นก็สวย สีนี้ก็โดน หรือบางทีเลือกไปแล้วพอกลับบ้านไปส่องกระจกดูอีกทีกลับรู้สึกว่าคิดผิดจนไม่อยากยิ้มไปทั้งเดือน ปัญหานี้ถือเป็นวาระแห่งชาติของชาวเหล็กดัดฟันเลยทีเดียว วันนี้เราเลยจะมาเจาะลึกเทคนิคการเลือกสียางกันแบบหมดเปลือก เอาให้ชัดไปเลยว่าสีไหนใส่แล้วปัง สีไหนใส่แล้วพัง และจะเลือกยังไงให้เข้ากับสีผิวหรือบุคลิกของเรามากที่สุด เพื่อให้การไปหาหมอฟันครั้งหน้าของคุณเต็มไปด้วยความมั่นใจ และสนุกกับการเปลี่ยนลุคใหม่ๆ ได้ไม่ซ้ำ ใครที่กำลังตัน ไอเดียหมด ไม่รู้จะเลือกสีอะไรดี บทความนี้มีคำตอบให้ครบจบแน่นอนครับ ทำไมการเลือก สียางจัดฟัน ถึงสำคัญกว่าที่คุณคิด บางคนอาจจะคิดว่า ยางจัดฟัน ก็แค่ยางวงเล็กๆ ที่เอาไว้ยึดลวด จะสีอะไรก็คงเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าสิ่งเล็กๆ นี้มีอิทธิพลต่อใบหน้าและรอยยิ้มของเรามหาศาลเลยครับ เพราะมันเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนอื่นจะมองเห็นเวลาเราพูดหรือยิ้ม การเลือกสีที่ใช่ จะเปรียบเสมือนการแต่งหน้าที่ช่วยขับให้ใบหน้าดูสว่างสดใสขึ้น ทำให้ฟันดูขาวสะอาดขึ้น และยังบ่งบอกถึงรสนิยมหรืออารมณ์ของเราในช่วงเวลานั้นได้ด้วย ในทางกลับกัน หากเลือกสีที่ผิด ชีวิตเปลี่ยนได้เลยนะครับ เพราะสีบางสีอาจจะไปเน้นให้ฟันที่เหลืองอยู่แล้วดูเหลืองอ๋อยกว่าเดิม หรือบางสีใส่แล้วหน้าดูหมองคล้ำ เหมือนคนป่วย หรือแย่ที่สุดคือดูเหมือนมีเศษอาหารติดฟันตลอดเวลา ดังนั้นการทำการบ้านเรื่อง สียางจัดฟัน ไปก่อนเข้าคลินิก จึงเป็นเรื่องที่คุ้มค่าที่จะเสียเวลาศึกษาครับ เพื่อที่เราจะได้ยิ้มกว้างๆ ได้อย่างมั่นใจตลอด 30 วันก่อนจะเปลี่ยนสีใหม่ เทคนิคเลือก สียางจัดฟัน […]