วิธีป้องกันโรคเหงือก เคล็ดลับดูแลสุขภาพเหงือกให้แข็งแรง ห่างไกลการอักเสบ โรคเหงือก เป็นปัญหาทันตกรรมที่พบได้บ่อยและอาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยสาเหตุหลักมาจากการสะสมตัวของคราบแบคทีเรีย (Plaque) บริเวณเหงือกและร่องเหงือก หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามจนกลายเป็นโรคปริทันต์ ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบรากฟันและกระดูกขากรรไกร ในที่สุดอาจทำให้ฟันโยกหรือสูญเสียฟันได้ โชคดีที่เราสามารถป้องกันโรคเหงือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเข้าใจวิธีดูแลช่องปากที่ถูกต้อง
ทำความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ
- แปรงฟันอย่างถูกวิธี
- ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) โดยใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
- เทคนิคการแปรงฟันที่เหมาะสม คือวางขนแปรงเอียง 45 องศา ลงบนรอยต่อของเหงือกและฟัน ขยับแปรงเบา ๆ เป็นวงกลมหรือแบบสั่นสั้น ๆ เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์
- ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟัน
- การแปรงฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะยังมีซอกหลืบระหว่างฟันที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง
- การใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันช่วยขจัดคราบและเศษอาหารออกจากจุดเล็ก ๆ ระหว่างฟันและบริเวณใต้แนวเหงือก
- บ้วนปากหรือน้ำยาบ้วนปาก
- ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก หรือมีฟลูออไรด์เสริม
- หลังการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันแล้ว การบ้วนปากช่วยชะล้างคราบที่อาจตกค้าง และช่วยให้ลมหายใจสดชื่น
ระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือใช้ยาสูบ
- การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณเหงือกลดลง ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อและการอักเสบได้ง่าย
- หากเลิกสูบบุหรี่หรือใช้ยาสูบ สุขภาพเหงือกจะดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียฟัน
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีความเสี่ยงต่อโรคเหงือกอักเสบมากกว่าคนทั่วไป
- การคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีส่วนช่วยลดโอกาสการอักเสบของเหงือกและการติดเชื้ออื่น ๆ ในช่องปาก
- หลีกเลี่ยงความเครียด
- ความเครียดอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและส่งผลต่อการอักเสบในร่างกาย รวมถึงเหงือกด้วย
- จัดการความเครียดด้วยการออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือกิจกรรมผ่อนคลายต่าง ๆ
เลือกอาหารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพเหงือก
- อาหารที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
- วิตามินซี (พบในผลไม้ตระกูลส้ม ฝรั่ง กีวี) ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อเหงือกให้แข็งแรง
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส (พบในนม โยเกิร์ต ชีส) ช่วยบำรุงกระดูกและเนื้อเยื่อรองรับฟัน
- ผักผลไม้สดและเมล็ดธัญพืช
- ผักผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ลดการสะสมแบคทีเรียในช่องปาก
- ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง โฮลวีต มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและร่างกายโดยรวม
- ลดอาหารหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
- น้ำตาลและแป้งเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้แบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ผลิตกรด ซึ่งส่งผลให้เกิดการละลายเคลือบฟันและการอักเสบของเหงือกได้
- หากต้องดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน ควรดื่มน้ำตามหรือบ้วนปากทันที
เข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ
- ตรวจฟันและขูดหินปูน
- ควรไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน (หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง) เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสุขภาพฟัน-เหงือก และขูดหินปูน หินน้ำลายที่สะสมอยู่
- การขูดหินปูนเป็นการป้องกันสำคัญ เพราะหินปูนเป็นที่กักเก็บแบคทีเรีย ทำให้เหงือกอักเสบและละลายกระดูกได้
- รับคำปรึกษาเรื่องทันตกรรมป้องกัน
- หากทันตแพทย์ประเมินแล้วเห็นว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเหงือก อาจแนะนำการทำรีเทนเนอร์พิเศษหรือการดูแลเหงือกเพิ่มเติมเฉพาะทาง
- การรักษาเหงือกหรือฟันตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยลดความรุนแรงและค่าใช้จ่ายในการรักษาในอนาคต
สัญญาณเตือนของโรคเหงือกที่ควรระวัง
- เหงือกบวมแดง หรือมีอาการเจ็บ
- มีเลือดออกขณะแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน
- เหงือกร่น ทำให้ฟันดูยาวขึ้นกว่าปกติ
- มีกลิ่นปากแรง หรือรสชาติไม่พึงประสงค์ในปาก
- ฟันโยกหรือมีช่องว่างระหว่างฟันเพิ่มขึ้น
หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรเข้าพบทันตแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาก่อนที่อาการจะลุกลาม
สรุป วิธีป้องกันโรคเหงือก
การป้องกันโรคเหงือกไม่ใช่เรื่องยาก หากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี ตั้งแต่การแปรงฟันและการทำความสะอาดซอกฟันอย่างสม่ำเสมอ เลือกอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ รวมถึงเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กสุขภาพฟันและขูดหินปูนเป็นประจำ การดูแลเหงือกอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ช่องปากแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคปริทันต์หรือโรคเหงือกอักเสบที่อาจรุนแรงจนสูญเสียฟันได้ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตในระยะยาวอีกด้วย ตรวจสุขภาพฟันกับ บียอนด์สไมล์ เดนทัล คลินิก คลินิกทันตกรรม ระยอง