วิธีป้องกันโรคเหงือก

วิธีป้องกันโรคเหงือก

วิธีป้องกันโรคเหงือก เคล็ดลับดูแลสุขภาพเหงือกให้แข็งแรง ห่างไกลการอักเสบ โรคเหงือก เป็นปัญหาทันตกรรมที่พบได้บ่อยและอาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยสาเหตุหลักมาจากการสะสมตัวของคราบแบคทีเรีย (Plaque) บริเวณเหงือกและร่องเหงือก หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามจนกลายเป็นโรคปริทันต์ ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบรากฟันและกระดูกขากรรไกร ในที่สุดอาจทำให้ฟันโยกหรือสูญเสียฟันได้ โชคดีที่เราสามารถป้องกันโรคเหงือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเข้าใจวิธีดูแลช่องปากที่ถูกต้อง

ทำความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ

  1. แปรงฟันอย่างถูกวิธี
    • ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) โดยใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
    • เทคนิคการแปรงฟันที่เหมาะสม คือวางขนแปรงเอียง 45 องศา ลงบนรอยต่อของเหงือกและฟัน ขยับแปรงเบา ๆ เป็นวงกลมหรือแบบสั่นสั้น ๆ เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์
  2. ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟัน
    • การแปรงฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะยังมีซอกหลืบระหว่างฟันที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง
    • การใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันช่วยขจัดคราบและเศษอาหารออกจากจุดเล็ก ๆ ระหว่างฟันและบริเวณใต้แนวเหงือก
  3. บ้วนปากหรือน้ำยาบ้วนปาก
    • ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก หรือมีฟลูออไรด์เสริม
    • หลังการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันแล้ว การบ้วนปากช่วยชะล้างคราบที่อาจตกค้าง และช่วยให้ลมหายใจสดชื่น

ระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆ

  1. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือใช้ยาสูบ
    • การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณเหงือกลดลง ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อและการอักเสบได้ง่าย
    • หากเลิกสูบบุหรี่หรือใช้ยาสูบ สุขภาพเหงือกจะดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียฟัน
  2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    • ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีความเสี่ยงต่อโรคเหงือกอักเสบมากกว่าคนทั่วไป
    • การคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีส่วนช่วยลดโอกาสการอักเสบของเหงือกและการติดเชื้ออื่น ๆ ในช่องปาก
  3. หลีกเลี่ยงความเครียด
    • ความเครียดอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและส่งผลต่อการอักเสบในร่างกาย รวมถึงเหงือกด้วย
    • จัดการความเครียดด้วยการออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือกิจกรรมผ่อนคลายต่าง ๆ

เลือกอาหารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพเหงือก

  1. อาหารที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
    • วิตามินซี (พบในผลไม้ตระกูลส้ม ฝรั่ง กีวี) ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อเหงือกให้แข็งแรง
    • แคลเซียมและฟอสฟอรัส (พบในนม โยเกิร์ต ชีส) ช่วยบำรุงกระดูกและเนื้อเยื่อรองรับฟัน
  2. ผักผลไม้สดและเมล็ดธัญพืช
    • ผักผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ลดการสะสมแบคทีเรียในช่องปาก
    • ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง โฮลวีต มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและร่างกายโดยรวม
  3. ลดอาหารหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
    • น้ำตาลและแป้งเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้แบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ผลิตกรด ซึ่งส่งผลให้เกิดการละลายเคลือบฟันและการอักเสบของเหงือกได้
    • หากต้องดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน ควรดื่มน้ำตามหรือบ้วนปากทันที

เข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ

  1. ตรวจฟันและขูดหินปูน
    • ควรไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน (หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง) เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสุขภาพฟัน-เหงือก และขูดหินปูน หินน้ำลายที่สะสมอยู่
    • การขูดหินปูนเป็นการป้องกันสำคัญ เพราะหินปูนเป็นที่กักเก็บแบคทีเรีย ทำให้เหงือกอักเสบและละลายกระดูกได้
  2. รับคำปรึกษาเรื่องทันตกรรมป้องกัน
    • หากทันตแพทย์ประเมินแล้วเห็นว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเหงือก อาจแนะนำการทำรีเทนเนอร์พิเศษหรือการดูแลเหงือกเพิ่มเติมเฉพาะทาง
    • การรักษาเหงือกหรือฟันตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยลดความรุนแรงและค่าใช้จ่ายในการรักษาในอนาคต

สัญญาณเตือนของโรคเหงือกที่ควรระวัง

  • เหงือกบวมแดง หรือมีอาการเจ็บ
  • มีเลือดออกขณะแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน
  • เหงือกร่น ทำให้ฟันดูยาวขึ้นกว่าปกติ
  • มีกลิ่นปากแรง หรือรสชาติไม่พึงประสงค์ในปาก
  • ฟันโยกหรือมีช่องว่างระหว่างฟันเพิ่มขึ้น

หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรเข้าพบทันตแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาก่อนที่อาการจะลุกลาม

สรุป วิธีป้องกันโรคเหงือก

การป้องกันโรคเหงือกไม่ใช่เรื่องยาก หากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี ตั้งแต่การแปรงฟันและการทำความสะอาดซอกฟันอย่างสม่ำเสมอ เลือกอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ รวมถึงเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กสุขภาพฟันและขูดหินปูนเป็นประจำ การดูแลเหงือกอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ช่องปากแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคปริทันต์หรือโรคเหงือกอักเสบที่อาจรุนแรงจนสูญเสียฟันได้ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตในระยะยาวอีกด้วย ตรวจสุขภาพฟันกับ บียอนด์สไมล์ เดนทัล คลินิก คลินิกทันตกรรม ระยอง 

You can share this post!

Facebook
LinkedIn
Email
Print