การรับประทานอาหารกับสุขภาพช่องปาก

การรับประทานอาหารกับสุขภาพช่องปาก

การรับประทานอาหารกับสุขภาพช่องปาก เลือกอย่างไรให้ฟันแข็งแรงและเหงือกสุขภาพดี การดูแลสุขภาพช่องปากให้แข็งแรงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแปรงฟันหรือการขัดไหม แต่ยังรวมถึง “การรับประทานอาหาร” อย่างเหมาะสมด้วย อาหารที่เราบริโภคในแต่ละวันส่งผลโดยตรงต่อสภาพฟัน เหงือก และเนื้อเยื่อภายในช่องปาก บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับสุขภาพช่องปาก พร้อมแนวทางเลือกอาหารที่ดีต่อฟันและเหงือก

ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับสุขภาพช่องปาก

  1. การเกิดคราบแบคทีเรีย และฟันผุ
    • เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง แบคทีเรียในปากจะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรด ทำให้เคลือบฟันถูกกัดกร่อนจนเกิดฟันผุ
    • การลดบริโภคน้ำตาลหรือแป้งในปริมาณมากเกินไป ช่วยลดการสะสมตัวของแบคทีเรียและกรดในช่องปากได้
  2. การสึกกร่อนของเคลือบฟัน 
    • เครื่องดื่มรสเปรี้ยวหรือน้ำอัดลมที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำผลไม้เปรี้ยว น้ำอัดลม สามารถกัดกร่อนเคลือบฟัน ทำให้ฟันบางลงและไวต่อความรู้สึกมากขึ้น
    • ควรดื่มน้ำหรือกลั้วปากตามหลังการดื่มเครื่องดื่มที่มีกรด เพื่อช่วยลดฤทธิ์ของกรดในช่องปาก
  3. ผลกระทบต่อเหงือกและเนื้อเยื่อช่องปาก
    • การขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด เช่น วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส มีส่วนทำให้เหงือกอ่อนแอ และส่งผลให้เกิดโรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ได้ง่าย

อาหารและสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพช่องปาก

  1. ผักและผลไม้สด
    • ผักและผลไม้กรอบ (เช่น แครอท แอปเปิล เซเลอรี) ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำลายและลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย
    • วิตามินและใยอาหารในผักผลไม้ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เหงือกแข็งแรงขึ้น
  2. โปรตีนคุณภาพสูงและแคลเซียม
    • เนื้อสัตว์ ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม (เช่น โยเกิร์ต ชีส) อุดมด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเคลือบฟัน
    • การบริโภคสารอาหารกลุ่มนี้อย่างพอเหมาะ ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อฟันให้แข็งแรง
  3. น้ำและของเหลวมีประโยชน์
    • น้ำดื่มสะอาด ช่วยล้างเศษอาหารและเจือจางกรดในช่องปาก
    • น้ำชารสอ่อน (โดยเฉพาะชาเขียว) มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) สามารถลดการเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุได้
  4. อาหารที่มีวิตามินซีและดี
    • วิตามินซี (เช่น ส้ม กีวี ฝรั่ง) ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อเหงือก
    • วิตามินดี (เช่น ปลาแซลมอน ไข่แดง และการสัมผัสแสงแดดอ่อน ๆ) ช่วยดูดซึมแคลเซียม และทำให้เคลือบฟันแข็งแรง

แนวทางหลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลเสียต่อฟัน

  1. อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
    • ลูกอม ขนมหวาน ขนมกรุบกรอบที่มีแป้งเคลือบ หากบริโภคบ่อย ๆ จะเสี่ยงฟันผุสูง
    • หากอยากทาน ขนมหวานหรือของหวาน ควรทานพร้อมมื้ออาหารหลัก เพื่อลดโอกาสการตกค้างในช่องปากเป็นเวลานาน
  2. เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรดและคาร์บอเนต
    • น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง หากดื่มเป็นประจำจะทำให้เคลือบฟันสึกกร่อนได้ง่าย
    • หากต้องดื่ม ควรดื่มน้ำตาม หรือใช้น้ำกลั้วปากทันทีหลังดื่ม
  3. ของกินเหนียวหรือแข็งมาก
    • คาราเมล หมากฝรั่งเหนียว หรืออาหารแข็งอย่างกระดูกสัตว์ที่ต้องกัดอย่างรุนแรง อาจทำให้ฟันแตกหรือเป็นอันตรายต่อวัสดุอุดฟันและครอบฟัน

เคล็ดลับการดูแลหลังการรับประทานอาหาร

  1. บ้วนปากหรือล้างปากทันที
    • หากไม่สะดวกแปรงฟัน หลังการทานอาหารให้ลองบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด เพื่อช่วยลดเศษอาหารและกรดที่ตกค้าง
  2. เว้นช่วง 30 นาที ก่อนแปรงฟัน
    • หลังจากทานอาหารหรือดื่มน้ำอัดลมที่มีฤทธิ์เป็นกรด ควรเว้นระยะประมาณ 30 นาที แล้วจึงแปรงฟัน เพราะแปรงทันทีอาจทำให้เคลือบฟันที่อ่อนตัวจากกรดถูกขัดจนสึกได้ง่าย
  3. แปรงฟันและขัดฟันตามมาตรฐาน
    • แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง อย่างน้อยครั้งละ 2 นาที
    • ใช้ไหมขัดฟันหรือ Interdental Brush ทำความสะอาดซอกฟันที่แปรงสีฟันอาจเข้าไม่ถึง

การพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก

  1. ตรวจสุขภาพฟันและเหงือกเป็นประจำ
    • ควรเข้าพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจประเมินความเสี่ยงและทำความสะอาดหินปูน
    • การตรวจพบปัญหาฟันผุหรือเหงือกอักเสบตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาและลดความเสี่ยงการสูญเสียฟันได้
  2. รับคำปรึกษาด้านโภชนาการ
    • หากมีปัญหาที่ซับซ้อน เช่น ความผิดปกติของเคลือบฟัน การสึกกร่อนมากผิดปกติ หรือความผิดปกติในการหลั่งน้ำลาย ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนอาหารที่เหมาะสม

สรุปเกี่ยวกับ การรับประทานอาหารกับสุขภาพช่องปาก

การเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากให้แข็งแรงและห่างไกลปัญหาฟันผุหรือเหงือกอักเสบ ควรเน้นรับประทานผักผลไม้สด อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส รวมถึงวิตามินต่าง ๆ ที่มีบทบาทในการเสริมสร้างเคลือบฟันและเนื้อเยื่อเหงือกให้แข็งแรง ในขณะเดียวกัน ก็ควรลดปริมาณอาหารที่มีน้ำตาลสูง เครื่องดื่มที่เป็นกรด และอาหารเนื้อเหนียวหรือแข็งมาก ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อฟัน การดูแลเพิ่มเติมด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี รวมถึงตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ จะช่วยให้ฟันและเหงือกแข็งแรง พร้อมรอยยิ้มที่มั่นใจได้ในระยะยาว ตรวจสุขภาพันกับ คลินิกทันตกรรม ระยอง บริการ ตรวจฟัน ระยอง

You can share this post!

Facebook
LinkedIn
Email
Print